เราเป็นมากกว่าแค่คนทำบัญชี › ฟอรั่ม › เครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายบริการ
- This topic has 0 ข้อความตอบกลับ, 1 เสียง, and was last updated 7 years, 6 months มาแล้ว by
Phongphan.
-
ผู้เขียนข้อความ
-
6 พฤศจิกายน, 2014 เวลา 11:09 am #1274
Phongphan
Keymasterเครื่องหมายการค้า ( Trade Mark ) คือเครื่องหมายที่ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น
เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว เจ้าของเครื่องหมายการค้า มีสิทธิที่จะดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียน หรือขอจดทะเบียนโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้า การต่ออายุทะเบียนได้ และสามารถอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้
เครื่องหมายการค้าจะได้สิทธิประโยชน์คุ้มครองตามกฎหมาย ป้องกันผู้อื่นลอกเลียนก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ ได้ ” เครื่องหมายการค้า ” จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือทางการตลาด หากได้มีการสร้างเครื่องหมายการค้า นี้ให้ติดตลาดแล้วลูกค้าจะจดจำ “แบรนด์” นี้ไว้ เพื่อเลือกสินค้าตามต้องการ
โดยเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กับสินค้าหรือบริการ จะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543
เครื่องหมายการค้าแบ่งได้เป็น 4ประเภท
- เครื่องหมายการค้า ( Trade Mark ) คือเครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายเกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น เช่น บรีส มาม่า กระทิงเแดง เป็นต้น
- เครื่องหมายบริการ ( Service Mark ) คือ เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับบริการ เพื่อแสดงว่าบริการที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมาย บริการของบุคคลอื่น เช่น เครื่องหมายของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม เป็นต้น
- เครื่องหมายรับรอง ( Certification Mark ) คือ เครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับ สินค้าและบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้า หรือบริการนั้น เช่น เชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรำ ฮาลาล (Halal) เป็นต้น
- เครื่องหมายร่วม ( Collective Mark ) คือ เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่ม เดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน เช่น ตราช้างของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด เป็นต้น
เครื่องหมายการค้าต้องมีลักษณะตามกฎหมาย 3ประการคือ
- มีลักษณะบ่งเฉพาะ คือ มีลักษณะที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ซื้อสินค้านั้นทราบและเข้าใจได้ว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างจากสินค้าอื่น เช่น เป็นรูปหรือคำที่ได้ประดิษฐ์ขึ้น ลายมือชื่อหรือภาพของผู้เป็นเจ้าของ เป็นต้น
- ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย เช่น ธงชาติ เครื่องหมายราชการ พระบรมฉายาลักษณ์ เป็นต้น
- ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายของบุคคลอื่น เครื่องหมายการค้าที่จะจดทะเบียนนั้น จะต้องไม่เหมือนกับเครื่องหมายที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว หรือคล้ายกับเครื่องหมายที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจจะทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดสินค้า โดยพิจารณาจาก คำเสียงเรียกขาน รูปหรือภาพและการประดิษฐ์ของเครื่องหมาย เป็นต้น
ระยเวลาคุ้มครองเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วจะมีอายุความคุ้มครอง 10ปี เมื่อครบกำหนดสามารถต่ออายะได้คราวละ 10ปี
-
ผู้เขียนข้อความ
- คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อตอบกลับกระทู้นี้